วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วิเคราะห์สื่อมัลติมีเดีย เรื่อง ลูกสัตว์ต่าง ๆ

วิเคราะห์สื่อมัลติมีเดีย เรื่อง ลูกสัตว์ต่าง ๆ

แหล่งที่มา http://www.horhook.com/content/LookSatTangTang/index.htm
ประเภทของสื่อ
เป็นสื่อมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) สำหรับเด็กนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษา ในกลุ่มสาระภาษาไทย
จุดประสงค์
เพื่อให้นักเรียนศึกษาธรรมชาติของลูกสัตว์ต่าง ๆ
ส่วนประกอบของสื่อ
1.หน้าปก
2.คำนำ
3.สารบัญ
4.เนื้อเรื่อง
5.ดรรชนี
6.รายชื่อคณะผู้จัดทำ
รายละเอียดเนื้อหา
เนื้อหาที่ผู้จัดทำได้นำเสนอคือให้ความรู้เรื่องธรรมชาติของลูกสัตว์ต่างๆ ได้แก่ ลูกกบ ลูกแมว
ลูกวัว นกพิราบ แม่ไก่ดื้อ แมวและลูกกระรอก ลูกหมา
องค์ประกอบของสื่อ
สื่อในแต่ละหน้ามีส่วนของเนื้อหา เสียงบรรยาย ภาพประกอบทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่มีความสอดคล้องกับเนื้อหา ปุ่มรายการ ปุ่มไปยังหน้าถัดไป และย้อนกลับไปยังหน้าที่ผ่านมา เลขหน้าที่กำลังอ่านอยู่ในขณะนั้น



แนวคิด หลักการ ทฤษฎีที่สอดคล้องในการประยุกต์ใช้ในด้านการเรียนการสอน
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม
1. ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ คือ
1.1 การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลองผิดลองถูกด้วยตนเองบ้าง จะเป็นการช่วยให้ผู้เรียนเกิด
การเรียนรู้ในการแก้ไขปัญหา โดยสามารถจดจำผลจากการเรียนรู้ได้ดี รวมทั้งเกิดความภาคภูมิใจในการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง
1.2 หากต้องการให้ผู้เรียนเกิดทักษะในเรื่องใดแล้ว ต้องให้ผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจ
ในเรื่องนั้นๆ อย่างถ่องแท้ และให้ผู้เรียนฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
2. ทฤษฎีการเรียนรู้แบบการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิคของวัตสัน
2.1 การสรุปความเหมือนและการแยกความแตกต่าง เช่น การอธิบายความเหมือน และบอกความแตกต่างของสัตว์แต่ละชนิดได้เมื่อศึกษาเนื้อหารายละเอียดจากสื่อเรียบร้อยแล้ว
3.ทฤษฎีการเรียนรู้ของฮัลล์
3.1ในการจัดการเรียนการสอน ควรคำนึงถึงความพร้อม ความสามารถและเวลาที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีที่สุด ถ้าสื่อมัลติมีเดียมีความยากเกินไปไม่เหมาะสมกับช่วงอายุของเด็กก็จะทำให้ผู้เรียนไม่เข้าใจและไม่เกิดความรู้
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม
1. ทฤษฎีเครื่องหมาย ในการสอนให้ผู้เรียนบรรลุจุดมุ่งหมายใดๆ นั้น ครูควรให้เครื่องหมาย สัญลักษณ์ หรือสิ่งอื่นๆ ที่เป็นเครื่องชี้ทางควบคู่ไปด้วย
2. ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
2.1 ในการพัฒนาเด็ก ควรคำนึงถึงพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กและจัดประสบการณ์ให้เด็กอย่างเหมาะสม กับพัฒนาการนั้นไม่ควรบังคับให้เด็กเรียนในสิ่งที่ยังไม่พร้อม หรือยากเกินพัฒนาการตามวัยของตน เพราะจะก่อให้เกิดเจตคติที่ไม่ดีได้
- เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการแตกต่างกัน ถึงแม้อายุจะเท่ากัน แต่พัฒนาการอาจไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงไม่ควรเปรียบเทียบเด็ก ควรให้เด็กมีอิสระที่จะเรียนรู้และพัฒนาความสามารถของเขาไปตามระดับพัฒนาการของเขา
- ในการสอนควรใช้สิ่งที่เป็นรูปธรรม เพื่อช่วยให้เด็กเข้าใจลักษณะต่างๆ ได้ดีขึ้น แม้ในพัฒนาการช่วงความคิดแบบรูปธรรมเด็กจะสามารถสร้างภาพในใจได้ แต่การสอนที่ใช้อุปกรณ์ที่เป็นรูปธรรม จะช่วยให้เด็กเข้าใจแจ่มชัดขึ้น
2.2 การให้ความสนใจและสังเกตเด็กอย่างใกล้ชิดจะช่วยให้ทราบลักษณะเฉพาะตัวของเด็ก
3.ทฤษฎีเกสตัลท์
3.1 กระบวน การคิดเป็นกระบวนการสำคัญในการเรียนรู้ การส่งเสริมกระบวนการคิดจึงเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้ผู้ เรียนเกิดการเรียนรู้
3.2 การสอนโดยการเสนอภาพรวมให้ผู้เรียนเห็นและเข้าใจก่อนการเสนอส่วนย่อย จะช่วย
ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
3.3 การส่งเสริมให้ผู้เรียนมีประสบการณ์มาก ได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายจะช่วยให้
ผู้เรียนสามารถคิดแก้ปัญหาและคิดริ เริ่มได้มากขึ้น
3.4 การจัดประสบการณ์ใหม่ ให้มีความสัมพันธ์กับประสบการณ์เดิมของผู้เรียนจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถ เรียนรู้ได้ง่ายขึ้น
3.5 ในการสอนครูไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเสนอการสอนทั้งหมดที่สมบูรณ์ครูสามารถเสนอ เนื้อหาแต่เพียงบางส่วนได้ หากผู้เรียนสามารถใช้ประสบการณ์เดิมมาเติมให้สมบูรณ์
3.6 การเสนอบทเรียนหรือเนื้อหาควรจัดให้มีความต่อเนื่องกันจะช่วยให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้ได้ดี และรวดเร็ว
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มประมวลสารสนเทศ
ในการจัดการเรียนการสอนนั้นควรตระหนักถึงสิ่งที่ผู้เรียนเคยรู้มาก่อนที่ถูกบันทึกเก็บไว้ในความจำระยะยาว ซึ่งมีอิทธิพลกับการเรียนรู้ใหม่ (Siegler, 1983) ดังนั้นเพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถเก็บบันทึกความรู้ต่างๆที่ได้เรียนรู้ไว้ในความจำระยะยาวและสามารถเรียกกลับมาใช้ได้นั้น ผู้สอนควรพยายามสร้างสะพานที่จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่ผู้เรียนเคยรู้มาก่อน กับสิ่งที่จะเรียนรู้ใหม่ โดยวิธีการต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว เช่น การทบทวน การทำซ้ำๆ (Rehearsal) การเรียบเรียงและรวบรวม (Organize) การขยายความ หรือขยายความคิด (Elaborate) เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น